3-7 ตุลาคม 55
ตามที่สัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาอีกครั้งหน้าฝน และแล้วก็มาตามสัญญา หนีเมืองไปเข้าป่า นอนค้างคืนข้างบน 3 คืน ข้างล่างอีก 1 คืน ทริปนี้เป็นการเที่ยวที่เหน
มาเยือนที่แห่งนี้เป็นครั้งที่สอง มาครั้งนี้ยังคงมาเดี่ยวเหมือนเดิม มีหลายเหตุผลที่ทำให้กลับมา ณ ที่แ่ห่งนี้ อยากเจอดอกหงอนนาค,ทิวสนกับสายหมอก ซึ่งเขาล่ำลือมาว่า “เป็นดินแดนแห่งน้ำค้างกลางเที่ยง” ซึ่งครั้งที่แล้วไม่เจอเพราะว่ามาช่วงหน้าหนาว และอีกเหตุผลที่สำคัญคือสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจที่กำลังอ่อนแอ
เหมือนครั้งที่แล้ว นั่งรถสองแถวจากตลาด อ.ชาติตระการ ไปตีนภูสอยดาว ระยะทางก็ประมาณ 70 กว่ากิโล ระหว่างอยู่บนรถสองแถวอยู่ๆพี่สาวคนหนึ่งทักว่า เคยมาเที่ยวหรือเปล่าจำเราได้ เคยเห็นเรามา้เมื่อปีที่แล้ว ปีที่แล้วพี่เค๊าเป็นลูกหาบ แอบนึกขำในใจหน้าตาเรามันจำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ 5555 ขานั่่งรถกลับตอนกลับจากภูสอยดาวก็เจอพี่แกอีก แกก็พูดว่า “เจอทั้งขาไปขากลับนักท่องเที่ยวพุนี้หนิ” (พูดภาษาเหนือ) หุหุ ^^ รู้สึกอบอุ่นดีทั้งๆที่เป็นนั่งท่องเที่ยวคนเดียวบนรถ
จากบทเรียนครั้งที่แล้วซึ่งเหนื่อยมาก ครั้งนี้กะว่าจะจ้างลูกหาบ แต่ปราฏว่ามีเราเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียวในวันนั้นของน้อยมันไม่คุ้มที่ลูกหาบจะหาบขึ้น ก็เลยต้องแบกทุกอย่างเอง กว่าจะมาถึงลานสนสำหรับกางเต๊นท์ เกือบไม่รอด เหนื่อยม๊ากมาก ทั้้งเดิน ทั้งคลาน ทั้งเปียก ทั้งคัน โดนยุงกับตัวคุ่นยำมาตลอดทาง แถมตะคริวกินเป็นระยะๆ ….แต่ก็ผ่านมาได้ มาถึงลานสนก็ค่ำพอดี กางเต๊นท์ เปลี่ยนชุด กินข้าว(ข้าวกระป๋อง) ไม่อาบน้ำ แล้วก็นอน ^^
ทริปนี้ให้ภาพเล่าแทนครับ
ป้ายกำกับ:ภูสอยดาว