ลุยเดี่ยว ภูสอยดาว หน้าหนาว

15 ก.พ. 2016 , 4,000 Views   , หมวดหมู่ ทุกหมวดหมู่ วาดภาพด้วยแสง   , ป้ายกำกับ:


บันทึกการเดินทางย้อนหลัง
13-17 ธค. 54
ภูกระดึงว่าลำบากแล้ว ทริปนี้โหดยิ่งกว่า ฮ่าๆๆ
ซื้อตั๋วขึ้นรถ กทมฯ-พิษณุโลก ค่าตั๋วประมาณ 277 บาท
ขึ้นรถ 21.00 น. หาข้อมูลในเน็ตเดินทางประมาณ 5 ชม. แต่รถมันวิ่งช้้ารึอย่างไรไม่รู้ ไปถึงพิษณุโลกเกือบตี 4
ถึงพิษณุโลกก็รอรถประจำทางไป อ.ชาติตระการ เที่ยวแรกออก ตี 5 ระหว่างทางก็ชมวิวไปพลางๆ ถึง บขส. อ.ชาติตระการ ก็ประมาณเกือบแปดโมงเช้า

บขส. กับตลาดจะอยู่คนละที่ห่างกันประมาณ กิโลฯกว่าๆ นี่แหละ ก็ให้น้าวินฯไปส่งที่ตลาดค่าวินก็ 20 บาท แล้วก็เดินตลาดหาซื้อเสบียงขึ้นภู
นั่งรอรถโดยสารสองแถวมี 2 คัน วิ่งวันละเที่ยว จะมีอยู่คันนึงที่วิ่งไปทางภูสอยดาวแต่ปลายทางยังไปไม่ถึงภูสอยดาว ต้องบอกให้คนขับรถสองแถวไปส่งค่ารถก็ประมาณ 100 บาท (หรือถ้ามาหลายคนเหมารถแถวนั้นไปเลย ราคาก็น่าจะประมาณพันนึง หรือเฉลี่ยๆแล้วก็คนละร้อยบาทนี่หละ)

รถสองแถวเข้าตลาดประมาณสองโมงกว่าๆ รถออกประมาณสี่โมงกว่าๆ ต้องไปให้ถึงตีนภูก่อนบ่ายสอง เพราะถ้าเกินนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้น
ช่วงผมไปต้องขึ้นอีกคันเพราะว่ารถเสียซึ่งอีกคันกว่าจะออกก็เกือบเที่ยงถึงตีนภูบายโมงครึ่ง
ตอนนี้ค่าลูกหาบเขาคิดกิโลกรัมละ 20 บาท เด้อ จะมีค่าบำรุงรักษาอุทยาน ค่าเช่าถุงนอน ค่ามัดจำขยะ รวมๆแล้วก็ประมาณ 250 บาท ขาลงเราก็เอาขยะมาทิ้งข้างล่างเจ้าหน้าที่ก็จะคืนเงินค่ามัดจำขยะให้
…..
…..
…..
ข้างบนภูไม่มีร้านค้าขายของ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีไฟฟ้า ทุกอย่างต้องเอาขึ้นมาเอง สามารถก่อไฟทำอาหารได้ อาหารกับน้ำดื่มสามารถสั่งลูกหาบให้เอาขึ้นมาให้ได้แต่ก็ต้องจ่ายเงินให้ลูกหาบอีกทีนึง
มีห้องน้ำแต่ไม่มีน้ำต้องเช่าถังน้ำกับเจ้าหน้าที่ข้างบนคืนละ 20 บาท ไปตักน้ำที่ลำธารมาอาบ หรือทำธุระส่วนตัวต่างๆ (ช่วงหน้าหนาวน้ำน้อยมาก น้ำเหลืองๆขุ่นๆแต่ก็ต้องตักมาอาบ หุหุ)
ที่สำคัญอีกอย่างคือไฟฉายห้ามลืมเพราะว่าไฟฟ้าไม่มีและมืดมาก

ผมขึ้นภูบ่ายสองพอดีเปะ สะพายเป้ขึ้นเองไม่จ้างลูกหาบ มาทั้งทีก็ต้องลุยๆกันหน่อย ฮ่าๆๆ (กำลังซ่าอยู่) เดินมาได้ซักพักยังไม่ถึงครึ่งทาง โครตตตตต…เหนื่อยม๊ากมาก ทางชันมาก

เริ่มรู้สึกว่าตูมาทำไรที่นี่วะ ลำบากก็ลำบากเหอๆ ซักพักมีนักท่องเทียวที่เขาเดินลงภูผ่านมา แล้วพูดว่า ” น้องเพิ่งเริ่มเหรอรีบๆหน่อยนะน้อง ทางยังอีกไกลเลย เดี๋ยวมืดก่อน ” ฮ่าๆๆ…..
ไม่ไหวก็ต้องไหววะทำไงได้เดี๋ยวมันมืดก่อน สะพายเป้ลุยต่อได้ซักพักก็ต้องเปิดกระติบข้าวเหนียวขึ้นมากิน เพิ่มพลัง 5555+ ไม่รู้ว่ามันช่วยได้รึเปล่า

ก็เดินๆลุยไปเรื่อยๆคนเดียว รู้สึกโดดเดี่ยวชอบกลตะวันก็เริ่มต่ำลงจะมืดแล้ววว เดินมาซักพักก็เจอนักท่องเที่ยวสองคนกำลังนั่งพักอยู่ ก็เลยถามว่าพี่ขึ้นหรือลง เขาก็บอกว่าขึ้น แค่นี้แหละความโดดเดี่ยวก็หายไป 5555 มีเพื่อนร่วมชะตากรรม

ระหว่างเดินมาตะคริวก็ถามหาเป็นระยะๆ ขาซ้ายบ้างขวาบ้าง แต่มาถามหายิกๆๆถึ่ๆเลยก็ตรง เนินมรณะ อะไรมันจะสูงชันและยาวขนาดนี้ เดินได้สี่ห้าก้าวต้องนั่งพักเพราะตะคริวจะแดร๊ก หัวใจก็เต้นตุ๊บๆๆๆ เพราะความเหนื่อย

จนในที่สุดก็ค่อยๆผ่านเนินมรณะมาได้ เดินต่อซักพักก็เจอป้าย …” ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว ” ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ…..สะใจที่สุดเลย


…..
ขาลงจะสบายกว่าขาขึ้นหน่อยเพราะว่าเสบียงจะน้อยลง และไม่ต้องใช้กำลังเยอะเหมือนตอนขึ้น แต่ก็ต้องเกร็งขาเยอะเหมือนกัน ขาจะอ่อนก็หลายครั้ง หุหุ ต้องนั่งพักเป็นระยะเช่นกัน
ผมลงตอนสามโมงกว่าๆ ถึงตีนภูก็เที่ยงกว่าๆเกือบบ่าย ถือว่าใช้เวลาน้อยเลยทีเดียว (อิอิ) แล้วต้องเดินจากตีนภูซึ่งเป็นจุดขึ้นภู ไปที่ที่ทำการอุทยานประมาณเกือบสองกิโลฯ เพื่อไปกางเต๊นท์นอนที่อุทยานอีกคืนนึง ระหว่างเดินอยู่ลุงใจดีแกขี่มอร์ไซต์ฯมารับไปส่งที่อุทยานด้วย
ถึงอุทยานก็ขอให้เจ้าหน้าที่วิทยุไปบอกลุงคนขับรถสองแถวประจำทางให้แวะเข้ามารับ (ลุงแกชื่อเฉี่ยว หรือแส่ว อะไรซักอย่างนี้แหละ อยู่บ้านรักไทย) ซึ่งลุงแกจะเข้ามารับประมาณหกโมงเช้า แล้วไปที่ ตลาด อ.ชาติตระกาล

นอนที่อุทยาน ไม่มีถุงนอนให้ตอนดึกๆหนาวววววม๊ากกกก ใส่ถุงเท้าฟุตบอลยาวๆ กางเกงขายาว เสื้อกันหนาว ไม่พอยังต้องขนเสื้อผ้าทั้งหมดที่เอามาไปมาคลุมตามร่างกาย เอากระเป๋าเป้สวมขา มันยังไม่หายหนาว คืนนั้นก็เลยนอนหลับๆตื่นๆเพราะความหนาวววว…

ตอนเช้าลุงคนขับรถสองแถวก็มารับไปตลาด อ.ชาติตระการ ระหว่างทางก็ชมวิวตอนเช้าบรรยากาศดีมาก ลุงแกคิดค่ารถ 100 บาท ถึง ตลาดก็ประมาณสามโมงกว่าๆ(แวะลง บขส.เลยก็ได้ แต่ต้องมากด ATM ก็เลยมาลงที่ตลาด) แล้วก็นั่งวินไปขึ้นรถที่บขส. ไปพิษณุโลก รถออก 10.30 น.

ระหว่างทางก็ได้เพื่อนคนนึง ที่เป็นลูกหาบที่ภูสอยดาวนั่นแหละก็คุยกันเรื่อยเปื่อย มาถึง พิษณุโลกประมาณบ่ายโมงกว่าๆ แล้วซื้อตั๋วขึ้นรถ พิษณุโลก- กทมฯ รถออก 13.45 น. ถึง กทม. หกโมงเย็นกว่าๆ …..
ระหว่างขึ้นภูรู้สึกว่าลำบากมากๆ คงไม่กลับมาเที่ยวอีกแล้ว แต่หลังจากลงจากภูกลับ กทม. แล้วก็ยังอยากกลับไปเที่ยวอีกอยู่ดี คราวนี้จะไปช่วง ปลายฝนต้นหนาว ไปดูดอกไม้กัน อิอิ แต่ไม่อยากไปคนเดียวแล้วขอเอาเพื่อนไปด้วยดีกว่า

เจอกันปีหน้าช่วงปลายฝนต้นหนาวเด้อ ภูสอยดาว!!!!!!


ป้ายกำกับ: