หากอยากถ่ายรูปสวยๆ อย่างน้อยๆ ต้องรู้เรื่องพื้นฐานของการถ่ายภาพก่อนครับ
สปีดชัตเตอร์หรือความเร็วชัตเตอร์มีผลทำให้ ภาพชัดหรือว่าเบลอได้
ต้องการภาพคมชัด ความเร็วชัตเตอร์อย่างน้อยควรจะตั้งแต่ 1/80 ขึ้นไป
ต้องการภาพหยุดนิ่ง เช่น หยดน้ำหยุดนิ่ง ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ
ต้องการภาพน้ำตกเป็นสาย หรือไฟรถตอนกลางคืนเป็นสาย ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ
ความเร็วชัตเตอร์สัมพันธ์กับรูรับแสง
– หากอยู่ในสถานที่แสงน้อย ต้องการภาพที่คมชัด ให้ดันความเร็วชัตเตอร์ขึ้นสูงพอที่ภาพจะไม่เบลอ รูรับแสงจะต้องปรับให้เปิดกว้างที่สุด (ค่า F น้อยที่สุด จะทำให้ภาพชัดตื้น) เพื่อให้ภาพสว่างขึ้น แต่ด้วยเลนส์หรือสภาพแสงที่ปรับค่า f น้อยสุดแล้ว ภาพก็ยังมืดอยู่ ก็ให้ค่อยๆปรับค่าความไวแสงขึ้น (iso) จนกว่าภาพจะสว่างขึ้นจนเราพอใจ แต่อย่าลืมว่าหากปรับค่า iso ขึ้นสูงเกินไปก็จะได้ noise แถมมาด้วยครับ
จำง่ายๆครับ โหมดที่ควบคุมความเร็วชัตเตอร์ได้คือโหมด S,M
โหมด M (Manual)
หากต้องการภาพคมชัด ดันความเร็วชัตเตอร์ขึ้้นพอที่ภาพจะไม่เบลอ -> หากภาพมืด ปร้ับรูรับแสงให้กว้างหรือได้ความชัดตื้นที่พอใจ (ให้ปรับค่า F ให้น้อย) -> หากยังมืด ให้ดัน iso ขึ้น จนภาพสว่างตามต้องการ
โหมด S (ค่า F รูรับแสงกล้องจะปรับให้อัตโนมัติตามสภาพแสง)
หากต้องการภาพคมชัด ดันความเร็วชัตเตอร์ขึ้้นพอที่ภาพจะไม่เบลอ -> หากยังมืด ให้ดัน iso ขึ้น จนภาพสว่างตามต้องการ
*ชัดตื้น คือ คือไม่ชัดทั้งภาพชัดเฉพาะที่โฟกัส หรือหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังชัด
รูรับแสง หรือว่า F จะส่งผลต่อการชัดตื้น ชัดลึก
รูรับแสงกว้างหรือค่า F น้อย จะทำให้ภาพ ชัดตื้น คือ ไม่ชัดทั้งภาพชัดเฉพาะที่โฟกัส หรือหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังชัด
รูรับแสงแคบหรือค่า F มากๆ จะทำให้ภาพ ชัดลึก คือ ชัดทั้งภาพ
โหมดที่ควบคุมความเร็วชัตเตอร์ได้คือโหมด F,M
รูรับแสงกว้างหรือค่า F น้อย แสดงว่าแสงเข้ามาได้มาก ทำให้ความเร็วชัดเตอร์สูงขึ้น
รูรับแสงแคบหรือค่า F มากๆ ทำให้แสงเข้ามาได้น้อย ทำให้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ หากต้องการให้ความรเร็วชัตเตอร์สูงขึ้น ต้องดันความเร็วแสงขึ้น (iso) แต่ก็จะได้ Noise ตามมา
ค่าความไวแสง (iso) ควรให้มีค่าต่ำที่สุดใว้ก่อน ถ้าหากสภาพแสงน้อยค่อยปรับค่า iso ขึ้นเพื่อให้ภาพเราสว่างขึ้น
ถ้าความไวแสงยิ่งมากเท่าไหร่ค่า Noise ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
โหมดในการวัดแสง
เฉลี่ยทั้งภาพ กล้องจะทำการวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพมาคำนวณในการชดเชยแสง
เฉลี่ยหนักลาง กล้องจะนำภาพตรงกลางๆภาพมาคำนวณในการชดเชยแสง
เฉพาะจุด กล้องจะนำภาพตรงโฟกัสเฉพาะจุดมาคำนวณในการชดเชยแสง
ส่วนใหญ่แล้วผมจะใช้เฉลี่ยทั้งภาพ
จำง่ายๆคือ
หากในภาพที่เราถ่ายมีสีโทนสว่างมากกว่า เช่น มีพื้นหลังเป็นสีขาว กล้องจะมองว่ามีภาพสว่างมากเกินไปเลยปรับให้ภาพของเรามืดลงกว่าปกติ ให้เราชดเชยแสงขึ้น
หากในภาพที่เราถ่ายมีสีโทนมืดมากกว่า เช่น มีพื้นหลังเป็นสีดำ กล้องจะมองว่ามีภาพส่วนมืดมากเกินไป เลยปรับให้ภาพของเราสว่างขึ้นกว่าปกติ ให้เราชดเชยแสงลง
สิ่งที่ไม่ควรทำในการจัดองค์ประกอบภาพ
– ไม่ควรถ่ายภาพบุคคลหัวขาด แขนขาด
– ไม่ควรมีเส้นพาดตัดตรงคอบุคคล
– ไม่ควรให้เส้นขอบฟ้าเอียง
– ไม่ควรให้สิ่งที่เราถ่ายอยู่ตรงกลางภาพ
ควรศึกษาเพิ่มเติมเรื่องกฎ 3 ส่วน ครับ https://www.google.co.th/#q=Rule%20of%20thirds&rct=j
เวลาถ่ายรูปหากภาพถ่ายของเรามีสีคู่ตรงข้ามอยู่ด้วยกันก็จะทำให้รูปถ่ายของเรานั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น ตัวแบบและพื้นหลังเป็นสีตรงข้ามกัน เป็นต้น เขาบอกว่า ควรใช้สีตรงข้าม ในอัตราส่วน 80% ต่อ20% ลองใช้กันดูครับ